ตามติดชีวิตเด็กเรียน Pre-Sessional English ที่ Durham University
วันนี้พี่แมงโก้มีเรื่องราวชีวิตจริงไม่อิงนิยายจากส่งตรงมาจาก Durham กันเลยค่ะ สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องของการเรียน Pre-sessional ของมหาวิทยาลัย Durham โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่สงสัยว่า เอ๊ะ คนที่เค้าจะไปเรียน LL.M. เวลาที่เค้าเรียนพรีเค้าเรียนอะไรกันบ้าง แล้วเรียนแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวรึปล่าว ไปเกาะติดชีวิตสนุก ๆ ของน้อง ๆ จากรั้ว Durham กันค่ะ 🙂
สวัสดีครับ อยู่ Durham มาซักพักนึงแล้วก็เลยอยากจะแชร์ให้ฟังกันว่า มหาวิทยาลัย Durham ที่เด็กไทยมาเรียนกันเยอะแยะเนี้ยมันเป็นยังไง ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าสำหรับคนไม่เคยเรียนเมืองนอกแบบเราต้องมานั่งคิดให้หนักเลยว่า ความจำเป็นในการเตรียมตัว เรื่องภาษามันจำเป็นมากแค่ไหน เราต้องมาดูตัวเองว่า ต้องฝึกภาษานานขนาดไหน สกิลหรือคะแนน IELTs ที่มีมันสะท้อนความสามารถจริงมั้ย ขาดอะไร เขียนได้มั้ย ฟังพูดตลอดได้มั้ย คือฉันต้องเรียน pre-sessional กี่เดือนดี มีตังค์มั้ย 555 นั่นแหละ ปวดหัวมาก สุดท้ายก็ได้คำแนะนำจากพี่ที่แมงโก้แล้วก็เออตัดสินใจว่าเอาล่ะขอเรียนภาษาสักเดือนนึง

พอแบ่งห้องเรียนปุ๊ปปป พีคมากกก ห้องที่เราอยู่นี่คือ international มั่กก ดูปากณัชชาอีกทีนะคะ international มาก เบลเยี่ยม ตุรกี อินเดีย ไนจีเรีย จีน แล้วฉันก็เป็นคนไทยคนเดียวเลยจ้า แล้วคือ ในห้องแย่งกันพูดมากๆๆ แบบ ทุกคนพูด มันเรียกได้ว่า Seminar สัมมนา ที่เคยได้ยินกันนี่แหละ ของจริงเป็นแบบนี้ ทุกคนพูด แย้งทุกอย่าง แย้งความคิดเพื่อนก็ได้ คำถามที่ตามมาส่วนใหญ่ คือ ทำไมคิดแบบนั้นแหละ แล้วก็จะให้อธิบายเหตุผลส่วนตัวรัว ๆ (แรกๆกระเหรี่ยงไทยบ้านแบบฉันได้แค่นั่งฟัง ก็ฝึก listening skill รัวๆๆ) เหยแล้วแบบ เถียงกันกับประโยคเดียวอยู่สองชม. ไม่ได้ไปหน้าอื่นเลย 5555 แต่คือมันต้องพูด ต้องฟัง บางครั้งเถียงกันจนชนะเนื้อหาที่เรียนก็มี จนอาจารย์คนสอนวนหน้านั้นแล้วขอไปคุยกับที่ประชุมก่อนเนื้อหาตรงนี้อาจจะไม่ถูกต้อง เห้ยยย คือมีความชนะ 10 10 10 คะแนน!! 555 หลัง ๆ ก็เป็นเรานี่แหละต้องพูดบ้าง เค้าไม่ได้เรียกตอบหรอก ไม่จำเป็นต้องชี้นิ้วเอ้านายแว่นขึ้นมาตอบข้อนี้สิ มันเป็นเรานี่แหละที่อยากพูดบ้าง เราฟังมาหลายวันแล้ว เราเริ่มชินสำเนียงเพื่อนในห้องเริ่มเข้าใจว่าเค้าพูดว่าไร และรู้ว่าเราต้องพูดบ้าง เราต้องพัฒนาตัวเอง มันดีเว้ย มันลบความคิดแบบไม่อยากพูดอังกฤษเลย ขี้เกียจคิด ขี้เกียจแปลในหัวออกไปเลย กลายเป็นแบบเจอเพื่อนก็คุย คุยกัน แบบนู้นนี่นั่นเม้ามอย แล้วมันได้ภาษาเองโดยที่เราไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็คิดเป็นภาษาอังกฤษแล้วพูดไปเลยไม่มีต้องมานั่งแปลอีกแล้ว

เอาตรง ๆ คือมาเรียนพรีฯจริง ๆมันดีมากนะ จำเป็นมาก กลายเป็นสิ่งที่สอนอ้ะ มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษแบบบ้านเราเลย หลักสูตร pre-sessional สำหรับ LLM มันถูกออกแบบมาเฉพาะมาก ๆ เราต้องเรียนจาก article ที่เป็น academic legal article เลย ต้องมาดูว่า เค้าเขียนยังไง แบ่ง structure ยังไง มี essay แบบไหนบ้างที่ต้องทำส่งในตอนเรียนโท คือพรีมันไม่ใช่การเรียนภาษาอังกฤษอย่างที่เข้าใจ มันคือ การเตรียมตัวสำหรับการเรียนกฎหมายของ ป.โท เค้าไม่ได้สอนภาษาอังกฤษอ้ะ เค้าสอนสิ่งที่เด็กที่เรียนปริญญาโทด้านกฎหมายต้องใช้ ต้องทำเป็นในประเทศอังกฤษนี้ มารู้ทีหลังว่า สถาบันภาษา (English Language School) ของ Durham ดีที่สุดในอังกฤษ คือ Rank 1 เลย และหลักสูตร pre-sessional ของ Durham ก็ออกแบบโดยประธานขององค์กรอารมณ์แบบตรวจสอบคุณภาพการสอนของอังกฤษเลย สุดยอดจริง ๆนาจา

ส่วนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ช่วงเรียนพรีฯ นี่ไม่ต้องกลัวไม่ได้เที่ยว ตอนเรียนพรีฯนี่คือเฝ้ารอวันเสาร์ทุกอาทิตย์เลย ทุก Weekend เค้าขายตั๋วกิจกรรมนู้นนี่ ทุกอาทิตย์คือไม่ได้ว่างเว้น บางทีก็เป็นแบบ นั่งรถบัสไป Day trip เมืองอื่น ถูกกว่านั่งรถไฟไปเอง ที่สำคัญและไฮโซเป็นอย่างยิ่งคือที่นี่มี Formal Dinner ซึ่งมีความจริงจังโชคดีมากที่เตรียมสูทมา บอกเลยว่ามาที่นี่อย่าลืมเตรียมสูทหรือชุดที่ใส่ออกงานได้มาด้วย
ส่วนเรื่องที่พัก เพราะเราเรียนพรีแค่เดือนเดียว ก็เลยมาช้ากว่าพวกเรียน 2-3เดือน เลยต้องอยู่หอที่ชื่อ St.Mary’s ที่เป็นแบบห้องน้ำรวม ในใจคือ ลำบากละเรา ห้องน้ำรวม แล้วพอเข้ามาอยู่ปุ๊ปปป ห้องน้ำรวมก็โออยู่นะ ข้อดีคือห้องนอนกว้างมาก เต้นบัลเล่ต์ได้ นอนได้ 4 คนสบายๆ (โยคะในห้องได้ด้วยทำมาแล้ว555) ห้องน้ำมันไม่แย่นะ เพราะมีแม่บ้านทำความสะอาดทุกวันสะอาดกว่าห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ทุกวันนี้อี๊ก อยู่หอรวมแบบนี้อารมณ์เหมือนอยู่โรงเรียนประจำ เดินไปนั่งเล่น นั่งดูหนังห้องเพื่อนบ้าน common room บ้าง อยู่ด้วยกันก็อุปทานหมู่ว่าหิวกันตอนตีสอง ต้มมาม่ากินกันรัว ๆ ได้ฟีลโรงเรียนประจำมาก 555
ความประเสริฐอีกอย่างนึงคือ หอนี้มีอาหารเช้าและเย็นให้จ้า ดี๊ดีย์ ตื่นมากิน กินแล้วก็ไปเรียน กินข้าว กลางวันในเมืองแล้วเดินเล่นแท้ด ๆ ๆ แล้วก็กลับมากินข้าวเย็น ประหยัดได้มาก 5555 แล้วสารอาหารก็ มีครบนะจ้ะ แป้ง-เนื้อ-ผัก มีเมนูให้เลือก เนื้อสัตว์ทุกประเภท เนื้อแดง-อาหารทะเลก็มี vegan ก็มีและ อาหารพิเศษสำหรับผู้มีข้อจำกัดอื่น ๆ ด้วย กาแฟ-โกโก้ มีทุกเช้า ผลไม้ของหวานมีทุกมื้อ ตั้งแต่อยู่มาน้ำหนักขึ้นกว่า 5 โลสบาย ๆ มูลค่าอาหารที่กินไปน่าจะแพงกว่าค่าหอแล้วตอนนี้
จริงๆ แล้วข้อดีของการอยู่หอแบบนี้คือได้เจอเพื่อนใหม่ เรียกว่ามีเพื่อนใหม่มากขึ้นทุกวันทุกเชื้อชาติตามคนที่นั่งข้าง ๆ ตอนกินข้าวนี่แหละ ห้องอาหารที่นี่จะกินแบบห้องโถงใหญ่ ๆ เพดานสูง ๆ เหมือนในแฮร์รี่ พอตเตอร์ (หลังคาไม่โปร่งใสเห็นท้องฟ้านะ เว่อร์ไป มีแค่แชนเดอร์เลียสวยงามตามสไตล์เค้าแหละ)

หลักสูตร pre-sessional ของ มหาวิทยาลัย Durham นั้น มี 20 weeks, 10 weeks, และ 5 weeks สอบถามข้อมูลและเกณฑ์การสมัครได้ที่พี่ๆ แมงโก้ได้เลยนะคะ
สมัครเรียนและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัย Durham โทร. 02-129-3313, 085-144-8808 หรือ LINE: @Mangolearning