อยากไปเรียนต่อกฎหมายแต่เกรดน้อยทำยังไงดี?

น้องๆ หลายคนเข้ามาปรึกษาที่แมงโก้แล้วมีความกลุ้มใจในเรื่องของเกรดว่าได้เกรดไม่ถึง 3.00 จะสามารถไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ดี ๆในประเทศอังกฤษได้รึปล่าว สิ่งแรกที่พี่จะต้องบอกเลยก็คือว่า SOP จะมีส่วนช่วยได้มาก ๆ เพราะฉะนั้นเราจะต้องทุ่มเทกับการเขียน SOP ให้โดดเด่นและตรงใจคณะกรรมการคัดเลือกของแต่ละมหาวิทยาลัยค่ะ ข้อสำคัญอีกข้อนึงคือหลายมหาลัยมีความ strict เรื่องเกรดเป็นอย่างมาก ดังนั้นการหาข้อมูลก่อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ว่ามหาวิทยาลัยไหนบ้างที่มีความยืดหยุ่นในการดูเกรด (ซึ่งส่วนนี้พี่ๆ consult สามารถให้คำแนะนำได้นะคะ) เพราะมหาวิทยาลัยบางส่วนนั้นอาจจะตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 3.00 แต่ถ้าน้อง ๆ มีประสบการณ์ทำงาน หรือฝึกงาน สอบผ่านตั๋วทนาย หรือเนติบัณฑิต หรือมี profile ที่โดดเด่น ส่วนนี้จะสามารถทดแทนตัว GPA ที่ขาดไปได้ซึ่งส่วนนี้จะต้องดูเป็น case by case ไปค่ะ วันนี้พี่เลยขอมาเล่าให้ฟังค่ะว่ามีมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียงและติด top 50 ที่ไหนบ้างที่น่าสนใจที่เปิดโอกาสรับน้องๆที่มีเกรดในช่วง 2.5-2.8 ค่ะ* University of Essexตั้งอยู่ที่เมือง Colchester ซึ่งเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ และอยู่ไม่ไกลจากลอนดอน มหาวิทยาลัย Essex นั้นมีชื่อเสียงในด้าน Human Rights…

Dissertation คืออะไร?

หลายคนอาจสงสัยว่า Dissertation คืออะไร? วันนี้พี่แมงโก้จะแนะนำ Dissertation ให้น้องๆ ได้รู้จักกันค่ะ Dissertation หรือ ที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า Disser เรียกไทยๆว่าโปรเจคจบในเทอมสุดท้ายของนักศึกษาในระดับปริญญาโท จุดประสงค์ของการทำ Disser คือการเขียนเรียงความ ที่มีคำอยู่ที่ 8,000 – 20,000 (ขึ้นอยู่กับสาขาที่น้องๆเรียน) ว่าตลอดทั้งหลักสูตรที่เราลงเรียนไปนั้น มีความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ แถม Disser เป็นการรีวิวตัวเองด้วยว่าใน 1 ปีการศึกษาที่เราเรียนนั้น เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากอาจารย์ เพื่อนร่วมชั้น หรือ case study ที่ถกเถียงกันในชั้นเรียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละจะทำให้เราเกิดกระบวนการคิดเป็นขั้นตอนและกลั่นกรองผ่านตัวหนังสือ ซึ่ง Disser นั้นถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการประเมินผลการศึกษาในหลักสูตรที่น้อง ๆ ได้เรียนซึ่ง Disser ในระดับปริญญาโทนั้น ไม่ได้เน้นการสร้างทฤษฎีขึ้นมาใหม่ แต่จะเน้นการหาความรู้จากตำราต่างๆ การสัมภาษณ์ การเก็บข้อมูล และหาเหตุผลมาแก้ไขปัญหา   ต้องเริ่มทำตั้งแต่ช่วงไหน? การเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ จะเรียน 9 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม และเริ่มทำ Disser…

[รีวิว] International Tax Law, King’s College

ในการเรียนเพื่อให้ได้ specialized เป็น International Tax Law ที่ King’s College นั้น มีข้อบังคับว่าต้องลงวิชาที่เป็นวิชาเฉพาะของสาขา หรือลงวิชาเฉพาะของสาขารวมกับการทำ dissertation เรื่อง tax หรือลงวิชาเฉพาะรวมกับการทำ Practice Module ของสาขา tax ให้ได้ 120 credits จาก 180 credits ที่เป็นขั้นต่ำของการที่จะจบ Master Degree ซึ่งวิชาเฉพาะของสาขา tax ที่นี่มีให้เลือกเรียน 5 วิชา และแต่ละวิชาก็จะมี credits ไม่เท่ากัน โดยถ้าเป็นวิชาที่ต้องเรียนทั้ง 2 เทอม ก็จะมี 40 credits ซึ่งมีอยู่ 3 วิชาคือ International Tax Law, EU Tax Law และ Taxation of…

MSc Marketing กับ MSc Digital Marketing เรียนต่างกันยังไง

MSc Marketing คือการเรียนพื้นฐานของการตลาดตั้งแต่การรู้จักลูกค้าจนไปถึงการทำอย่างไรให้ลูกค้าพึงพอใจในสินค้าบริการและกลับมาซื้อซ้ำหรือบอกต่อ โดยโครงสร้างของ Marketing จะสอนให้เรารู้จักถึงพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างไรควรใช้กลยุทธ์แบบไหนกับสินค้า/บริการของเรา ทำแบบใดธุรกิจถึงจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด เหมาะสำหรับคนที่สนใจงานทางด้านการตลาดหรืออยากมีความรู้ด้านการตลาดเพื่อนำไปพัฒนาต่อในด้านอื่น ๆ พี่ขอยกตัวอย่าง MSc Marketing ที่มหาวิทยาลัย Exeter มาประกอบเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นนะคะ วิชาหลัก (หรือวิชาบังคับ)จะมีดังนี้ค่ะ Advanced Marketing Seminar Marketing Analysis and Researc Marketing Strategy Integrated Marketing Communications Understanding Consumer Behaviour   โดยน้องๆสามารถเลือกเรียนวิชาเลือกตามความสนใจของเราหรือลงลึกด้านใดด้านหนึ่ง เช่นอยากเรียนเจาะด้าน Branding, Digital Marketing ก็ย่อมได้ ยกตัวอย่างวิชาเลือกมีหลากหลายมากมายดังต่อไปนี้ Accounting for International Managers Entrepreneurship: New Venture Development Principles of International Business Tourism and Marketing…

Management or Entrepreneurship เรียนต่างกันมั้ย? / สายไหน เหมาะกับเรา?

สำหรับหลักสูตร Management (หรือในบางมหาวิทยาลัยจะตั้งชื่อหลักสูตรเป็น International Business, International Management หรือ Business and Management) หลักสูตรนี้น้องๆที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางธุรกิจมาโดยตรงก็สามารถเรียนได้เช่นกัน เพราะรายวิชาจะเน้นการปูพื้นฐานและให้ความรู้รอบด้าน เน้นการบริหารจัดการที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกลยุทธ์ การตลาด การเงิน การบริหารงานขาย การบริหารงานบุคคล เพื่อให้น้องๆได้เห็นภาพรวมในโลกของธุรกิจทั้งหมด และเตรียมการเป็นนักบริหารในอนาคต โดยในหลายมหาวิทยาลัยน้องๆจะสามารถเลือกวิชาเลือกเพื่อลงลึกในด้านที่เราสนใจ เช่น Leadership, Supply Chain, Digital Marketing หรือ Investment เป็นต้น โดยเมื่อเรียนจบแล้วน้องๆสามารถทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติ ธนาคาร บริษัทที่ปรึกษา หรือแม้แต่ Management Trainee ก็เป็นตำแหน่งที่น้องๆหลายคนให้ความสนใจ Entrepreneurship หลักสูตรนี้ เหมาะสำหรับน้องๆที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ ทำธุรกิจส่วนตัว หรือต้องการต่อยอดความรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจของที่บ้าน หรือน้องๆ ที่มีความสนใจทำงานในบริษัทแนว Startup หรือองค์กรที่ต้องการ สร้าง Entrepreneurial Spirit หลักสูตรนี้จะเรียนคล้ายๆกับ Management แต่จะสอนในมุมมองของการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่การหาไอเดียมาทำธุรกิจไปจนถึงจะหาเงินจากไหน และ…

Welcome week และ Shopping week at King’s College London

สัปดาห์แรกของการเปิดเทอมที่นี่จะไม่ใช่ให้ไปเข้าเรียนเลย แต่จะเป็นสัปดาห์ที่เรียกว่า welcome week จะเป็นช่วงที่ให้นักเรียนมา ติดต่อกับมหาวิทยาลัยเพื่อรับบัตรนักศึกษา ขอจดหมายรับรองเพื่อไปเปิดบัญชีธนาคาร รับบัตร BRP (ถ้าเลือกไว้ว่าจะมารับที่มหาวิทยาลัย) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้เพื่อให้นักเรียนได้พบปะเพื่อนใหม่ ๆ ได้ทำความรู้จักกับสถานที่ ซึ่งเราเลือกเข้ากิจกรรมได้ตามความพึงพอใจ แล้วยังเป็นการฝึกฝนภาษาของเราด้วยเช่นกัน แต่ก็จะมีบางกิจกรรมที่บังคับให้เข้า อย่างเช่น induction class for LLM student ในคลาสนี้จะมีการแจกคู่มือสำหรับการเรียน รายชื่อวิชาที่เปิดสอน และจะมีอาจารย์มาอธิบายการเลือกวิชาเรียน การจัดตารางเรียน การนับเครดิตวิชาเรียนเพื่อให้ได้ specialized ในสาขาที่เราต้องการ จึงถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญ นอกจากนี้ในช่วง welcome week บางคณะก็ได้จัดงาน welcome drink เช่น LLM Welcome drink เพื่อให้นักเรียนของคณะตนเองเพื่อให้นักเรียนได้พบปะสังสรรค์ ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆด้วย โดยในงานก็จะมีเครื่องดื่มกับของว่างบริการให้ด้วย     ส่วนสัปดาห์ที่ 2 ของการเปิดเทอมจะเป็นสัปดาห์ที่เรียกกันว่า shopping week คือในสัปดาห์นี้เราสามารถเลือกเข้าวิชาที่เราสนใจได้เลย โดยในแต่ละวิชาจะยังไม่เริ่มสอน แต่จะเป็นการบอกภาพรวมของวิชานั้น…

Top 5 beautiful spots in Durham

วันนี้พี่แมงโก้ขอพาไปเที่ยวชม 5 อันดับ สถานที่ในดวงใจใน Durham กันค่ะ มาดูกันซิว่าจะมีอะไรกันบ้าง อันดับ 1 คาเฟ่น่ารักๆ ที่มีชื่อว่า Flat White Durham Cafeถ้าหากว่าคุณเป็นคอกาแฟ และอยากมานั่งพักผ่อนหย่อนใจในร้านบรรยากาศชิว ๆ ไม่ว่าจะมาทานเค้ก หรือ แซนวิชที่ทำสดใหม่หรือจะมาเริ่มต้นสัปดาห์ด้วย Chai tea สักแก้วก็ดูจะเป็นไอเดียที่น่าสนใจใช่มั้ยล่ะค่ะ แต่อย่าแวะมาวันจันทร์เป็นอันขาดนะ (เพราะร้านนี้เค้าปิดวันจันทร์จ้ะ) อันดับ 2 วิวจาก Science Site มาที่ Psychology/ Biomedical Science buildingหากว่าคุณเป็นนักเรียน psychology หรือ biomedical science หรือไม่ว่าเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คุณต้องเดินขึ้นไปเรียนที่บนเขา อย่าลืมชื่นชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์รอบๆด้าน เพราะคุณจะพบกับวิวที่น่าทึ่งสุดๆไปเลย โดยเฉพาะตอนเดือนเมษายนที่ดอกซากุระจะเริ่มผลิบาน (อย่างที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่เดอแร่มนี่มีต้นซากุระด้วย) อันดับ 3 สะพาน (ใช่แล้ว คุณไม่ได้อ่านผิดไป มันคือ สะพานจริงๆ)สะพานอันแรกก็คือ Kingsgate Bridge ที่เชื่อมระหว่าง Bailey…

10 อาชีพของเด็กจบ Computer Science ที่อังกฤษ

ในยุค Digital ที่เราอยู่นี้ อะไรๆก็ดูทันสมัยไปหมด และทุกคนก็ให้ความสำคัญกับ Big Data จนขนาดที่บางคนบอกว่า “Data is Everything” เพราะทุกอย่างได้เกี่ยวข้องกับข้อมูลไปหมดแล้ว และสิ่งที่จะจัดเก็บและประมวลข้อมูลออกมาได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคอมพิวเตอร์ นี่คงเป็นสาเหตุว่า ทำไมหลักสูตร Computer Science จึงฮอตฮิตติดชาร์ตมากตอนนี้ และที่สำคัญเป็นอันรู้กันว่าเรียนจบที่อังกฤษแล้ว สามารถเปลี่ยนวีซ่าและอยู่ทำงานต่อได้อีก 2 ปี ทำให้สาขานี้เป็นสาขาที่น่าสนใจมากๆเลย จริงๆแล้วหลักสูตรที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ยังมีอีกมากมาย แยกย่อยไปอีกเยอะมาก ซึ่งพี่แมงโก้จะขอมาอธิบายขยายความใน Blog หน้านะคะ ส่วน Blog นี้พี่แมงโก้อยากจะโฟกัสไปจุดหมายปลายทางของการเรียน นั้นก็คือ จบ Com Sci แล้วจะไปทำงานอะไรได้บ้าง โดยรวบรวมออกมาเป็น 10 อาชีพให้น้องๆได้ลองศึกษาดูนะคะ ว่ามีอะไรที่เราอยากทำรึป่าว งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า 1. Software Developer คือคนที่สร้าง และพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ อย่างเช่น มีคนอยากสร้าง Application เรียกรถแท็กซี่ Software Developer จะเป็นคนตั้งต้นที่เป็นคนคิดว่า Application นี้จะทำงานอย่างไร…

เตรียมตัวจัดกระเป๋าไปเรียนต่อที่อังกฤษ

วันนี้มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษนั้นเราควรจะเตรียมอะไรใส่กระเป๋าไปกันบ้าง ทั้งนี้การเตรียมตัวไปมากน้อยขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลและความเป็นอยู่ในแต่ละเมือง เพราะบางเมืองอาจจะหาซื้อของได้ยากลำบาก จึงต้องตุนของจากเมืองไทยไปมากหน่อย ในขณะที่บางเมืองมีร้านไทยราคาน่าคบหา ก็อาจจะเตรียมไปเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่อะไรๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง จะได้ไม่ต้องรีบออกไปซื้อของตุนตั้งแต่ตอนที่มาถึงใหม่ๆ ค่ะ 1. อันดับแรกคือ อาหารแห้งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมาม่า โจ๊กซอง ผงปรุงรส หรือจะเป็นน้ำพริก ผงลาบ จัดไปตามที่ชอบเลยค่ะ อาจจะหยิบพวกอาหารพร้อมรับประทานติดตัวไปเลย เผื่อว่าวันที่ไปถึงแรกๆ แล้วยังไม่รู้ที่ทาง ไม่รู้จะซื้ออะไรที่ตรงไหน จะได้หยิบมาอุ่นทานรองท้องไปก่อนได้เลย 2. อันดับที่สองที่ควรเตรียมไป คือสมุด หรือเครื่องเขียน (จำนวนหนึ่งก็พอนะ ไม่อย่างงั้นกระเป๋าจะหนักเกินไปค่ะ) เนื่องจากว่าอุปกรณ์เหล่านี้ที่อังกฤษมีราคาค่อนข้างแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ ที่ชอบใช้สมุดจดสวยๆ เลือกซื้อติดตัวไปจากเมืองไทยเลยจะได้แบบที่ถูกใจเราและสบายกระเป๋าด้วยค่ะ 3. มาที่อันดับสาม คืออุปกรณ์ซักผ้า หากว่าเราต้องไปอยู่ในเมืองที่หาซื้อของได้ยากหน่อย อาจจะต้องลำบากในการตามหาซื้อสิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้นแล้วเลือกแบบที่เล็กๆ พกพาสะดวกจะได้ไม่กินพื้นที่กระเป๋าเราค่ะ แต่หากว่าในเมืองที่เราอยู่มีร้านราคาถูกที่ขายสินค้าราคา 1 ปอนด์ เช่น Poundland สินค้าแนวๆ นี้ สามารถหาซื้อได้โดยง่ายค่ะ 4. กล่องถนอมอาหาร (และช้อนส้อม) เป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ตั้งแต่สามารถนำมาใส่มาม่าทานได้ในยามดึก หรือจะเก็บอาหารไว้ทานไว้มื้อต่อไป…

การเลือกที่พักในลอนดอน

การเริ่มต้นชีวิตนักเรียนในลอนดอน สิ่งแรกที่ต้องเลือกก็คือที่อยู่อาศัย ซึ่งในลอนดอนก็จะมีให้เลือกหลายแบบ ค่าเช่าก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะที่อยู่ว่าแบบไหน อยู่โซนไหน ย่านไหน ที่อยู่ก็จะมีให้เลือกทั้งเป็นหอพักนักเรียนของมหาวิทยาลัย เป็นหอพักนักเรียนเอกชน หรือจะเป็นแบบบ้านแล้วแชร์กับเพื่อน หรือแฟลตเมทต่างชาติก็ได้ 1. หอพักนักเรียน จะมีลักษณะห้องให้เลือกเป็นห้องนอนแล้วแชร์ห้องน้ำกับแฟลตเมทคนอื่นที่เรียกว่า non ensuite แบบนี้จะมีค่าเช่าถูกที่สุด หรือ แบบเป็นห้องนอนและมีห้องน้ำส่วนตัวที่เรียกว่า ensuite ซึ่งค่าเช่าก็จะแพงขึ้นกว่าแบบแชร์ห้องน้ำ ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็จะแชร์ห้องครัวร่วมกับคนอื่น โดยส่วนใหญ่ก็จะแชร์ตั้งแต่ 5-10 คน แต่ถ้าอยากอยู่เป็นส่วนตัวก็จะมีห้องแบบ studio ที่มีห้องน้ำและห้องครัวในตัวให้เลือก ซึ่งแบบนี้ค่าเช่าก็จะสูงกว่าทั้งสองแบบที่กล่าวมา โดยหอพักนักเรียนนี้ก็จะมีทั้งของมหาวิทยาลัยและของเอกชน ถ้าเลือกของมหาวิทยาลัยก็สามารถสมัครผ่านมหาวิทยาลัยได้เลย แล้วเลือกแบบห้องที่ต้องการกับหอที่เราอยากอยู่ แต่จะได้ตามที่เราเลือกมั้ยก็ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยด้วย อย่างที่ King’s College จะให้เราเลือกหอกับห้องที่เราอยากอยู่ แต่ทางมหาวิทยาลัยจะสุ่มให้ ซึ่งทำให้เราอาจจะไม่ได้ตามที่เราเลือกไปก็ได้ แต่ถ้าเป็นหอพักเอกชนเราสามารถหาเองและสมัครเองได้ และก็จะได้ห้องตามที่เราต้องการด้วย ซึ่งบริษัทที่ให้บริการหอพักนักเรียนก็มีหลายที่ ที่ที่คุ้นเคยกันดีและมีหลายที่ให้เลือกตามเมืองต่าง ๆ ทั่วอังกฤษ เช่น Unite Student Accommodation ข้อดีของการอยู่หอก็คือค่าเช่ารวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตแล้ว และก็ไม่ต้องกังวลเรื่องไปรษณีย์ จะมีเจ้าหน้าที่หอคอยรับให้ตลอด ข้อเสียของหอก็คือค่าเช่าดูแพงเมื่อเทียบกับสภาพห้องแคบ…