5 สิ่งที่คนเข้าใจผิด เมื่อต้องเตรียมตัวไปเรียนต่ออังกฤษ
สำหรับน้องๆหลายคนที่อยากไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แต่เพิ่งเริ่มหาข้อมูล อาจจะทำให้มีความเข้าใจผิดในขั้นตอนการสมัครเรียนได้ และนั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้องๆ สมัครเรียนช้า จนที่นั่งของคณะที่น้องอยากเข้าเหลือน้อย หรืออาจจะช้าจนไม่มีเวลาทำใบสมัครให้ดี ไปจนถึงสมัครไม่ทัน ทำให้พลาดโอกาสการไปเรียนในปีนี้เลยก็ได้ พี่แมงโก้เลยรวบรวมสิ่งที่น้องๆส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด เพื่อไขข้อข้องใจ และทำให้น้องๆมีโอกาสในการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่น้องๆตั้งใจได้
ต้องเลือกมหาวิทยาลัยจาก Ranking เท่านั้น
- คำถามแรกที่น้องๆมักจะถามคือ ไปเรียนที่ไหนดี? และหลายๆคนไม่รู้ว่าเราควรเลือกมหาวิทยาลัยจากอะไร จึงเริ่มด้วยการดู Ranking เพื่อหามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ดี เหนือกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ แต่ความจริงก็คือ Ranking มาจากหลายสำนักมาก แล้วเราจะเชื่อถือสำนักไหนได้มากกว่ากัน ยังคงเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ พี่แมงโก้เลยอยากให้น้องๆที่กำลังจะไปเรียนต่อพิจารณาเลือกที่เรียนจากหลายๆปัจจัย มากกว่าที่จะเลือกจากที่ Ranking เพียงอย่างเดียว เพราะ Ranking ไม่ได้เป็นตัวตัดสินทุกอย่าง จริงอยู่ว่าวิชาการนั้นสำคัญ แต่การไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นปี ทำให้ความเป็นอยู่ สภาพเมืองก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เราสามารถหาข้อมูลได้จากศิษย์เก่าที่เคยไปเรียน หรือดูตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่มีรีวิวกันอยู่มากมาย ส่วนด้านวิชาการ พี่แมงโก้แนะนำให้ดู Course Structure และอาจารย์ที่สอนประกอบกันไปด้วย เพื่อจะได้รู้ว่ามหาวิทยาลัยที่เราสนใจ ตอบโจทย์ความต้องการทั้งทางด้านวิชาการ และไลฟ์สไตล์ของเราจริงๆ
ต้องมีสอบ IELTS ก่อนสมัครเรียน
- พอคิดว่าจะไปเรียนอังกฤษ ก็จะคิดว่าต้องสอบ IELTS ก่อน ถึงจะสมัครเรียนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วคะแนน IELTS เป็นเพียงตัวชี้วัดความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของเราเท่านั้น ซึ่งมีผลต่อการพิจารณารับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยต่างๆไม่มากเลย และมหาวิทยาลัยในอังกฤษส่วนใหญ่จะให้เราสมัครเรียนได้โดยที่ยังไม่ต้องมีคะแนน IELTS ด้วย แม้แต่ในยูท็อปๆ เองก็ใช้เกณฑ์นี้ เพราะฉะนั้นน้องๆ สามารถสมัครเรียนได้เลยตั้งแต่ยังไม่มีคะแนน IELTS นะคะ แล้วสามารถยื่นคะแนน IELTS ได้ตามหลัง หรือจะหลังจากที่ได้ Offer ตอบรับการเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยแล้วก็ได้
Pre-Sessional English คือการเรียนภาษาอังกฤษทั่วๆไป
- ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว คะแนน IELTS เป็นตัวบอกความสามารถทางภาษาอังกฤษของเรา ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะได้ผ่านเข้าเรียนไปเลย โดยไม่ต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ (Direct Entry) หรือว่าจะต้องไปเรียน Pre-Sessional English ซึ่งมีน้องๆจำนวนมากคิดว่า การเรียน PSE คือการเรียนภาษาอังกฤษธรรมดาๆทั่วไป แต่ความเป็นจริงแล้ว PSE คือการเรียนภาษาอังกฤษที่จะนำไปใช้ในการเรียนต่อระดับปริญญาโท โดยหลักสูตร PSE ตั้งแต่ 10 weeks ลงมาจะเป็นการสอนภาษาอังกฤษแยกตามสาขาและหลักสูตรที่เรียน เช่น ถ้าเราจะไปต่อโท LL.M. เราก็จะได้เรียน PSE เพื่อไปเขียนรายงานวิชาด้านกฎหมายได้ดีขึ้น ใช้ภาษากฎหมายได้ถูกต้องขึ้น เป็น Academic มากขึ้น หรือการไปต่อโทใน Business School การเรียน PSE ของเราก็จะเรียนเพื่อไปใช้ Present งาน และเขียน Paper ไปในทาง Business Academic ที่มีศัพท์และภาษาที่เป็นทางการและเป็นวิชาการมากขึ้น เป็นต้น
Reference Letter ต้องเป็นอาจารย์ที่ตำแหน่งสูง หรือคนมีชื่อเสียงเขียนแล้วจะดี
- เป็นความเข้าใจผิดที่ทำให้น้องๆหลายๆคนอาจจะต้องใช้เวลาไปตามหา หรือใช้เส้นสายเพื่อให้คนที่มีชื่อเสียง หรือมีตำแหน่งใหญ่ในคณะเป็นคนเขียน Reference Letter ให้ ซึ่งอาจจะใช้เวลาอย่างมาก และอาจจะทำให้การสมัครเรียนล่าช้าไปอีก จริงๆแล้ว Reference Letter ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่ไม่ได้มีผลมากต่อการพิจารณารับเข้าเรียน สิ่งที่มหาวิทยาลัยที่อังกฤษต้องการได้จาก Reference Letter คือหลักฐานที่บอกว่าเด็กคนนี้เป็นคนยังไง เพราะฉะนั้นคนที่จะเขียน Reference Letter ได้ดีที่สุด คือคนที่รู้จักเราดี อาจจะเป็นอาจารย์ที่เคยสอนเราในห้องเรียน หรือจะเป็นหัวหน้างานที่น้องๆทำงานด้วยอย่างใกล้ชิด และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อเนื้อความดี และเป็นผลดีกับเรามากกว่าการที่ให้คนที่ไม่รู้จักเราเลยมาเขียนนะคะ
อยากได้ทุน ก็ต้องสมัครมหาวิทยาลัยที่มีทุนให้สมัครเท่านั้น
- ความจริงของการแจกทุนที่อังกฤษคือ ทุนมักจะให้เป็นรางวัลกับนักเรียนที่เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยนั้นๆแล้ว นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยมักจะให้ทุนกับคนที่ไปอยากไปเรียนที่นี่จริงๆ และมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเหมาะสมแก่การตอบแทนด้วยการช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะให้เองโดยที่เราไม่ต้องสมัคร เพราะทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาจากใบสมัครของน้องๆอยู่แล้ว เราจึงจำเป็นต้องได้รับตอบรับเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนั้นๆก่อน จึงจะมีโอกาสได้ทุน
จริงๆแล้วถ้าใครอยากลดค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อโทที่ประเทศอังกฤษ สามารถมองหามหาวิทยาลัยที่ให้ส่วนลดต่างๆ กับน้องๆ ที่มีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยระบุก็ได้ เช่น ถ้าน้องๆ สมัครเรียนเร็ว ก็จะได้ส่วนลด Early Bird จะทางมหาวิทยาลัยบางแห่ง เป็นต้น
หวังว่า 5 ข้อข้างบนจะสามารถตอบคำถามคาใจ และเรื่องที่มักจะเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆของน้องๆที่อยากไปเรียนต่อประเทศอังกฤษกันได้บ้างนะคะ ช่วงนี้มหาวิทยาลัยหลายๆแห่งก็เริ่มเปิดรับสมัครกันแล้ว อย่าลืมว่าสมัครก่อนได้พิจารณาก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่น้องๆใฝ่ฝันได้มากขึ้นน้า ไม่ต้องรอคะแนน IELTS ก่อนถึงจะสมัครเรียนได้ หรือปัจจัยอื่นๆที่อาจจะทำให้เราสมัครเรียนได้ช้าลง เราก็อาจจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้เลย
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อในประเทศอังกฤษ บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โทร. 02-129-3313, 085-144-8808 หรือ LINE: @Mangolearning