รีวิว IELTS แบบละเอียด
ใครจะไปเรียนอังกฤษ สิ่งแรกที่ทุกคนจะคิดถึงก็คือ การสอน IELTS โดยที่ความเป็นจริงแล้ว น้องๆสามารถสมัครเรียนได้ก่อนที่จะมีคะแนน IELTS ในเกือบทุกมหาวิทยาลัยของประเทศอังกฤษ แต่ยังไงก็ตาม น้อง ๆ ก็จะต้องยื่นคะแนน IELTS ตามไปอยู่ดีเพื่อให้ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่น้องๆจะไปเรียน เรามาดูกันดีกว่าว่า IELTS เป็นยังไงกันบ้าง
IELTS
คือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ โดยวัดจากทักษะการใช้ภาษาทั้ง 4 คือ ฟัง(Listening) พูด(Speaking) อ่าน(Reading) และเขียน(Writing) ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมี 2 แบบคือ IELTS แบบธรรมดา กับ IELTS for UKVI(Visa and Immigration) ตัวข้อสอบทั้ง 2 แบบนั้นเหมือนกันเลย แต่ในใบผลคะแนนสอบจะมีระบุว่า UKVI ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับน้อง ๆ ที่จะไปเรียนต่อประเทศอังกฤษ เพราะต้องสอบแบบ UKVI เท่านั้น เนื่องจากมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะ require IELTS UKVI จะได้สอบไม่เสียเที่ยวนะจ๊ะ ส่วนค่าสมัครสอบ IELTS UKVI ก็อยู่ที่ 8,100 บาท (ณ วันที่ 21/11/19)
ลักษณะการสอบจะมี 2 แบบ
คือ สอบแบบ Computer (Computer delivered) กับสอบแบบกระดาษ (Paper delivered) โดยจะแตกต่างกันที่วิธีการทำข้อสอบ 3 พาร์ท คือ Listening Reading และ Writing ที่จะเป็นการทำบนคอมพิวเตอร์ หรือเขียนตอบในกระดาษด้วยดินสอ ตามลักษณะการสอบที่น้อง ๆ เลือก ส่วน Speaking Part ยังคงต้องสอบกับอาจารย์แบบตัวต่อตัวเหมือนเดิม
การสอบแบบ Computer
น้อง ๆ จะได้นั่งสอบกับคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง พร้อมมีพาทิชั่นหรือบล็อกกั้นกับคนที่นั่ง เหมือนเวลาไปกินราเม็งข้อสอบ โดยจะมีข้อสอบพาร์ท Listening, Reading และ Writing ขึ้นมาบนหน้าจอฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็นฝั่งของคำถามและที่ให้น้อง ๆ พิมพ์คำตอบลงไป
ส่วนการสอบแบบกระดาษ
ก็จะเป็นการเขียนคำตอบลงบนกระดาษโดยใช้ดินสอที่ทางศูนย์สอบเตรียมให้ และนั่งสอบในห้องใหญ่รวมกัน
TIPS
- 1. น้อง ๆ สามารถเลือกสอบแบบใดแบบหนึ่งก็ได้ ใครที่ถนัดพิมพ์หรือพิมพ์เร็วกว่าเขียน ก็เลือกสอบ IELTS แบบ Computer ได้เลย เพราะทำข้อสอบ IELTS เราต้องแข่งกับเวลาอย่างมาก ดังนั้นเลือกตามความถนัดของแต่ละคนนะคะ
- 2. แต่ถ้าน้อง ๆ คนไหนต้องการความช่วยเหลือพิเศษในการทำข้อสอบ(มีความผิดปกติด้านร่างกาย) น้องจะต้องสมัครสอบแบบกระดาษเท่านั้น ข้อสอบใช้เวลาทั้งหมด 2 ชม. 40 นาที โดยไม่มีการพักเบรค สำหรับ 3 พาร์ทยกเว้น Speaking ซึ่งน้อง ๆ สามารถเลือกได้ว่าจะสอบวันนั้นเลย หรือภายใน 1 อาทิตย์ก่อนหรือหลังการสอบ 3 พาร์ทที่เหลือ เวลาที่ให้ทำข้อสอบในแต่ละพาร์ท คือ
– Listening 30 นาที แบ่งออกเป็น 4 Sections โดยมีเนื้อเรื่องและโจทย์ต่างกันไป มักจะเป็นบทสนทนาของคน 2 คน หรือไม่ก็เป็นการบอกทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แล้วก็จะมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ฟังให้ตอบ โดยจะเหลือเวลาให้เราเขียนคำตอบ 10 นาที หลังจากเทปเสียงจบลง
TIPS: พยายามอ่านสแกนคำตามก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเรากำลังฟังเรื่องอะไร และตรงไหนเป็นคำตอบ Listening แบบคอมพิวเตอร์ จะต้องฟังด้วยและพิมพ์ไปด้วยค่ะ จะไม่มีเวลาเพิ่มให้เพื่อย้ายคำตอบที่เขียนมาในกระดาษคำตอบเหมือนระบบเดิมจึงอาจจะมีเวลาตอบคำตอบในพาร์ทนี้น้อยกว่าแบบเดิมเล็กน้อย
– Reading 60 นาที จะมีเรื่องมาให้เราอ่าน 3 เรื่อง ความยาวพอประมาณ และให้ตอบคำถามจากเรื่องที่เราได้อ่านไป
TIPS: พยายามจับใจความสำคัญของเรื่องที่เราอ่านให้ได้ ไม่จำเป็นต้องอ่านละเอียดแบบเข้าใจทุกคำ แต่ให้สกิมอ่านให้พอเข้าใจ แล้วไปอ่านโจทย์คำถามเลย จากนั้นค่อยกลับมาหาคำตอบในบทความอีกที
– Writing 60 นาที แบ่งเป็น 2 ข้อ โดยข้อแรกมักจะเป็นกราฟ หรือข้อมูลเชิงรูปภาพ แล้วให้เราเขียนอธิบายกราฟ หรือข้อมูลเชิงรูปภาพนั้น ส่วนข้อที่ 2 จะเป็นคำถามถามความคิดเห็นของเราจากหัวข้อที่ให้มา โดยจะมีความยาวกำหนด (ประมาณ 260 คำ)
TIPS: วางแผนการเขียนให้ดี ในการอธิบายกราฟ ให้ดึงจุดเด่นของข้อมูลออกมาเขียน ส่วนการเขียนแสดงความคิดเห็นในข้อ 2 ให้เขียนเป็น Paragraph เหมือนเราเขียน Essay ทั่วไป ที่สำคัญให้ซ้อมเขียนที่บ้าน แล้วลองนับคำดู เพื่อเป็นการทดสอบการกะประมาณคำคร่าว ๆ พอถึงวันสอบจะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งนับคำ และลองจับเวลาดูด้วย
– Speaking 11 – 14 นาที สอบกับอาจาร์ยผู้สอบที่เป็น Native Speaker แบ่งออกเป็น 3 พาร์ท Part 1 ให้แนะนำตัว และมีคำถามเกี่ยวกับตัวเรานิดหน่อย ส่วน Part 2 จะมีหัวข้อมาให้ แล้วให้เราเตรียมตัว 1 นาทีและพูดอีก 2 นาทีติดกันห้ามหยุด และ Part 3 จะเป็นการ Discuss กันในหัวข้อที่แล้วเราคุยกันไป
TIPS: ใน Part ที่ 2 ผู้สอบจะให้กระดาษปากกามาเพื่อจดโน้ต น้อง ๆ วางแผนจะพูดอะไรให้จดลงไปเลยนะคะ อาจจะเป็น Bullet Points ก็ได้ เพราะตอนเราพูดเราสามารถก้มดูโพยได้ จะได้พูดลื่น ๆ ไม่ติดขัด แล้วเค้าจะให้เราพูดยาวเลย 2 นาทีแบบไม่เบรค แต่พอหมดเวลาเค้าจะส่งสัญญาณให้ค่ะ
ผลสอบของน้อง ๆ จะออกภายใน 2 อาทิตย์
หลังจากที่น้องๆทำข้อสอบทุกพาร์ทครบแล้วค่ะ น้อง ๆ ต้องสมัครล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนสอบ แต่ถ้าใครเกิดติดธุระ ก็สามารถเลื่อนวันสอบได้ โดยต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า และอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับสถาบันที่น้องๆสมัครสอบ สามารถเลือกสอบได้กับ 2 สถาบัน คือ British Council และ IDP โดยจะสมัครออนไลน์หรือโทรไปสมัครก็ได้ค่ะ
- British Council ตัวอย่างสนามสอบที่กรุงเทพฯ (สามารถดูตารางสอบและสมัครสอบออนไลน์ได้ที่นี่) หรือโทร.02-657-5678
– การสอบแบบกระดาษ สอบที่โรงแรมแลนด์มาร์ค( BTS นานา)
– การสอบแบบคอมพิวเตอร์ สอบที่ตึก Wave Place (BTS เพลินจิต) - IDP ตัวอย่างสนามสอบที่กรุงเทพฯ (สามารถดูตารางสอบและสมัครสอบออนไลน์ได้ที่นี่) หรือโทร 02-638-3111 ต่อ 111-112
– การสอบแบบกระดาษ สอบที่โรงแรม Pullman G สีลม
– การสอบแบบคอมพิวเตอร์ สอบที่ศูนย์ IDP ตึก C.P. Tower (BTS ศาลาแดง)
การจ่ายเงินค่าสอบ
- สามารถจ่าย Online ตัดบัตรเครดิตได้
- จ่ายผ่าน Counter Service ที่ร้าน 7-11 ก็ได้ (เมื่อสมัครกับ IDP เท่านั้น)
วันสอบ
- เตรียมบัตรประชาชน หรือ Passport และสำเนาบัตรประชาชน หรือ Passport
- สิ่งที่นำเข้าห้องสอบได้ บัตรประชาชน หรือ Passport และน้ำเปล่า 1 ขวด ที่ลอกฉลากออกแล้ว เป็นสิ่งที่อนุญาตให้นำติดตัวเข้าห้องสอบได้ แม้แต่นาฬิกาก็เอาเข้าไม่ได้นะจ๊ะ
หรือถ้าใครที่กำลังหาที่เรียน IELTS ดีๆละก็ พี่แมงโก้ขอแนะนำเลย English Studio by Mango สอนโดยอาจารย์ชาวอังกฤษผู้เชี่ยวชาญด้านไอเอลและเป็นทั้งผู้สอนและผู้ให้คะแนนมาแล้วกว่า 10 ปีใน 3 ประเทศ
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อในประเทศอังกฤษ บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โทร. 02-129-3313, 085-144-8808 หรือ LINE: @Mangolearning